ลอว์เรนซ์ คายน์ แสนพลออน
ลอว์เรนซ์ คายน์ แสนพลอ่อน ( ไทย: ลอเรนซ์ คายน์ แสนพลอ่อน, อักษรโรมัน: Most Rev. Lawrence Kai Sean-Phon-On , 17 สิงหาคม ค.ศ. 1928 – 24 กรกฎาคม ค.ศ. 2007 ) เป็น อัครมุขนายกกิตติคุณแห่งอัครมุขมณฑลท่าแร่-หนองแสง ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ของประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2523 จนกระทั่งเกษียณอายุในปี 2547 (6 มีนาคม 2523 - 14 พฤษภาคม 2547)[1]
ลอเรนซ์ คายน์ แสนพลอ่อน | |
---|---|
![]() | |
อัครมุขนายกมิสซังโรมันคาทอลิกท่าแร่-หนองแสง | |
ดำรงตำแหน่ง 6 มีนาคม 2523 – 14 พฤษภาคม 2547 | |
ก่อนหน้า | มีคาแอล เกี้ยน เสมอพิทักษ์ |
ถัดไป | หลุยส์ จำเนียร สันติสุขนิรันดร์ |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 14 สิงหาคม 2471 (79 ปี) บ้านทุ่งมน จังหวัดสกลนคร ประเทศไทย |
เสียชีวิต | 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 |
ที่ไว้ศพ | สุสานวัดอัครเทวดามีคาเอลท่าแร่ |
เชื้อชาติ | ไทย |
บุพการี | นายคารและนางจันที แสนพลอ่อน |
"ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยความพากเพียร ผ่านกางเขน สู่แสงสว่าง" | |
ประวัติส่วนตัว[แก้]
พระอัครสังฆราชลอเรนซ์ คายน์ แสนพลอ่อน เกิดเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ค.ศ. 1928 ที่บ้านทุ่งมน ตำบลเชียงเครือ อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร เป็นบุตรของนายคารและนางจันที แสนพลอ่อน เมื่ออายุได้ 5 ขวบ บิดาของพระคุณเจ้าเสียชีวิต สองปีต่อมามารดาก็เสียชีวิต ทิ้งให้พระคุณเจ้าและน้องสาวอยู่ในความอุปการะของคุณยาย
การศึกษาและชีวิตกระแสเรียก[แก้]
พระอัครสังฆราชลอเรนซ์เริ่มการศึกษาที่บ้านเณรพระหฤทัยหนองแสง จังหวัดนครพนม ต่อมาศึกษาต่อที่บ้านเณรบางนกแขวก จังหวัดสมุทรสงคราม ภายใต้การอบรมของคณะซาเลเซียน และต่อที่เยเนรัล คอลเลจ บู เลาตีกุส ปีนัง ประเทศมาเลเซีย จนจบหลักสูตร ได้รับศีลบวชเป็นพระสงฆ์เมื่อวันที่ 16 มกราคม ค.ศ. 1957 โดยพระสังฆราชมิแชล มงคล (อ่อน) ประคองจิต
เมื่อวันที่ 23 เมษายน ค.ศ. 1980 สมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 แต่งตั้งท่านเป็นพระอัครสังฆราชแห่งอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง และได้รับอภิเษกเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม ค.ศ. 1980 ที่อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล ท่าแร่
- เริ่มเรียนที่โรงเรียนพระหฤทัย หนองแสง จังหวัดนครพนม
- ถูกส่งกลับบ้านช่วงสงครามอินโดจีนและกลับมาเรียนในหมู่บ้าน
- เข้าเรียนสามเณรที่บางนกแขวกภายใต้การดูแลของคณะซาเลเซียน
- ศึกษาต่อที่สามเณราลัยใหญ่เยเนรัล คอลเลจ บูเลาตีกูส(College General Pulau Tikus, Penang, Malaysia since 1810) ที่ปีนัง
- 23 เมษายน ค.ศ. 1980 เเต่งตั้งเป็น อัครมุขนายก เขตมิสซังท่าแร่-หนองแสง โดย สมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2
- 16 กรกฎาคม ค.ศ. 1980 อภิเษกเป็น อัครมุขนายก เขตมิสซังท่าแร่-หนองแสง ณ อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล ท่าแร่
คติพจน์ประจำสมณสมัย[แก้]
- “OMNIA POSSUM IN EO QUI ME CONFORTAT” (ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยความพากเพียร)
- “Per Crucem Ad Lucem” (ผ่านกางเขน สู่แสงสว่าง)
ประวัติการทำงาน[แก้]
- ค.ศ. 1957-1958: ผู้ช่วยอธิการโบส์ถอาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล ท่าแร่
- ค.ศ. 1959-1961: อาจารย์ภาษาอังกฤษโรงเรียนเซนต์ยอแซฟ ท่าแร่
- ค.ศ. 1961-1962: ดูงานและช่วยงานอภิบาลที่สหรัฐอเมริกาและยุโรป
- ค.ศ. 1962-1967: อธิการและผู้จัดการโรงเรียนเซนต์ยอแซฟท่าแร่
- ค.ศ. 1967-1969: อธิการโรงเรียนวรสารพิทยา กรุงเทพฯ ผู้ช่วยอธิหารวัดนักบุญยอแซฟ ตรอกจันทน์และช่วยงานอภิบาลวัดแม่พระประจักษ์เมืองลูร์ด หัวตะเข้
- ค.ศ. 1969-1976: อธิการบ้านเณรฟาติมาท่าแร่ ครูใหญ่ ผู้จัดการโรงเรียนยอแซฟ ท่าแร่
- ค.ศ. 1976-2005: เจ้าอธิการวัดพระหฤทัยคู่ สกลนคร
ผลงานสำคัญ[แก้]
ด้านศาสนา:
- เป็นบุคคลสำคัญในการยื่นเรื่องขอแต่งตั้งบุญราศรีแห่งสองคอน
สังคมและวัฒนธรรม:
- ผู้บุกเบิกเริ่มต้น เทศกาลแห่งดาวคริสต์มาส จนกลายเป็น เทศกาลสำคัญประจำปีของจังหวัดสกลนคร
การศึกษาและเศรษฐกิจ:
- ก่อตั้งโรงเรียนในเครือเซนต์ยอแซฟตามจังหวัดและอำเภอใหญ่หลายแห่ง
- ลงทุนในด้านการเลี้ยงสัตว์และการเกษตร แม้ประสบภาวะขาดทุนบ้าง
การแพร่ธรรมทางสื่อวิทยุ:
- เริ่มรายการ “ระฆังชีวิต” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียง F.M. ความถี่ 101.75Mhz
- เริ่มสถานีวิทยุชุมชนท่าแร่ เครือข่ายศูนย์สังคมพัฒนาอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง ในความถี่ 104.50Mhz
พระอัครสังฆราชลอเรนซ์ คายน์ แสนพลอ่อน เป็นผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกลในด้านการศึกษาและการแพร่ธรรมผ่านสื่อวิทยุ ทำให้การพัฒนาของอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง ก้าวหน้าและเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในวงการศาสนาและการศึกษา
วาระสุดท้ายแห่งชีวิต[แก้]
พระอัครสังฆราชลอเรนซ์ คายน์ มีโรคประจำตัวคือโรคเบาหวาน เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ค.ศ. 2002 นายแพทย์สมบูรณ์ จิระวัฒนาสมกุล พบเนื้อร้ายในตับและแนะนำให้เข้ารับการรักษา ท่านได้รับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ กรุงเทพฯ พบว่าเป็นมะเร็งในตับ แต่ท่านยังคงเดินทางไปสหรัฐอเมริกา หลังจากเดินทางกลับมา ท่านยังคงทำหน้าที่นายชุมพาบาลอย่างเข้มแข็ง
วันที่ 27 เมษายน ค.ศ. 2007 หลังเป็นประธานพิธีมิสซาขอบพระคุณหน้าศพมารดาของคุณพ่อทวีชัย ศรีวรกุล ท่านอาการอ่อนเพลีย และถูกส่งเข้ารักษาที่โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ค.ศ. 2007 ท่านเดินทางกลับอัครสังฆมณฑลเพื่อพักรักษาตัวที่บ้านริมหนองหาร แต่สุขภาพยังไม่ดีขึ้น และถูกส่งรักษาที่โรงพยาบาลสกลนคร ท่านเสียชีวิตเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ค.ศ. 2007 สิริอายุ 79 ปี
ประวัติที่น่าสนใจ[แก้]
ที่บ้านทุ่งมน อำเภอเมืองสกลนคร มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อท่านยังเป็นเด็ก ท่านป่วยหนักโดยแม่ของท่านเป็นชาวคริสต์คาทอลิก ได้ขอพรพระเจ้าให้พระคุณเจ้าหายป่วยและมีชีวิตอยู่ต่อไป โดยมีสัญญาว่าจะถวายลูกของท่านให้บวชเป็นบาทหลวงหากเขามีชีวิตอยู่
ในวัยเป็นนักเรียนคาทอลิกอายุ 12-15 ปี ช่วงสงครามอินโดจีน ท่านเรียนในโรงเรียนของรัฐ และโดนสั่งปิดโรงเรียนเนื่องจากเป็นโรงเรียนที่มีผู้นับถือคริสต์ศาสนา
ด้วยความเป็นผู้นำโดยธรรมชาติในความศรัทธาต่อพระเจ้าของพระคุณเจ้า พระคุณเจ้าลอว์เรนซ์คายน์ ต้องเผชิญกับการทรมานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่เบียดเบียนศาสนา จากความเข้าใจผิด และท่านต้องทนทุกข์ในบริเวณโรงเรียน ครูใหญ่ของโรงเรียนยังเคยพาท่านออกจากห้องเรียนและขังไว้ในห้องทำงาน ทำให้ได้รับบาดเจ็บจากการทุบตี ทุบหัวจากตำรวจซ้ำแล้วซ้ำ ซึ่งพยายามให้เขาปฏิเสธความศรัทธาของเขา
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจมาที่โรงเรียนและเรียกท่านไป และใช้ปืนเพื่อขู่ลักษณะเพื่อขู่ว่าถ้าท่านไม่ทิ้งความเชื่อในพระเยซู เขาจะยิงท่านทิ้ง ต่อมาตำรวจยังคงกลั่นแกล้งโดยเรียกรวมแถวนักเรียนคาทอลิกในโรงเรียนและขอให้พวกเขาข้ามเส้นแบ่งเขต ถ้าพวกเขาเชื่อในพระเยซู มีเพียง พระคุณเจ้าคายน์ ที่เดินข้ามเส้นนั้นไป ด้วยเหตุนี้ท่านจึงถูกทรมานสารพัด ทั้งถูกแขวนข้อเท้าและคว่ำหัวลงในบ่อน้ำ อีกครั้งหนึ่งพวกเขาบังคับให้ท่านจ้องมองดวงอาทิตย์ ราวๆปี ค.ศ. 1940 ชายหนุ่มและหญิงสาวเจ็ดคน รวมทั้งนักบวชหญิง และเด็ก ถูกสังหารเพราะศรัทธาของตน ที่บ้านสองคอน และถูกแต่งตั้งเป็น มรณสักขีแห่งสองคอน
พระคุณเจ้าคายน์ ได้รับศีลอนุกรมเป็นบาทหลวงของท่าแร่ เมื่อวันที่ 16 มกราคม 1957 หลังจากนั้น ไม่นานครูใหญ่ของโรงเรียนที่ข่มเหงได้กลับมาขอการให้อภัยและได้รับแรงบันดาลใจจากพยานแห่งศรัทธาของท่าน และเปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์ คาทอลิก
พระคุณเจ้าคายน์ เคยได้พบกับ บุคคลที่เกือบจะได้เป็น มรณสักขี ที่อายุน้อยในบรรดาผู้พลีชีพทั้งเจ็ด ของมรณสักขีแห่งสองคอน ซึ่งเป็นเด็กหญิงอายุ 13 ปี เธอเดินไปยังสถานที่แห่ง การมรณสักขี พร้อมกับ นักบวชหญิง 2 ท่าน และคนอื่นๆ อีก 4 คน แต่พระเจ้าทรงไว้ชีวิตเธออย่างอัศจรรย์ และเธอเล่าอย่างละเอียดถึงเรื่องราวการมรณสักขีแก่พระอัครสังฆราช คายน์ ซึ่งกลายเป็น คำพยานยืนยัน (Postulator) เพื่อส่งเสริมสาเหตุแห่งความเป็นผู้พลีชีพเป็น มรณสักขีของพวกเขา
ความเป็นมาของการเบียดเบียนศาสนาของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในช่วง สงครามอินโดจีน[2]
เริ่มตั้งแต่ พ.ศ. 2483 มีการเบียดเบียนศาสนาในประเทศไทย จนถึงขั้นมีผู้เสียชีวิต มีชาวคาทอลิกเจ็ดคนถูกสังหาร ก่อนที่ ญี่ปุ่นจะบุกไทย ก็มีปฏิกิริยาต่อต้านสิ่งที่เป็นตะวันตกและต่างประเทศ รวมทั้งศาสนาคริสต์ด้วย สิ่งนี้นำไปสู่การพลีชีพของชาวคาทอลิกเจ็ดคนในหมู่บ้านสองคอน ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นบุญราศีโดยสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 2 ในปี พ.ศ. 2532 (1989)[3]
มิชชันนารีกลุ่มแรกที่มาประเทศไทยคือบาทหลวงคณะ โดมินิกัน ชาวโปรตุเกสซึ่งมาถึง "สยาม" ในปี พ.ศ. 2097 (1554) ดังที่ทราบกันในสมัยนั้น สยามเป็นอาณาจักรทางพุทธศาสนาที่ต้อนรับชาวคริสต์เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ เมื่อถึงศตวรรษที่ 19 มิชชันนารีคาทอลิกส่วนใหญ่มาจากยุโรปโดย คณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีส Paris Foreign Missions Society ( Société des Missions Étrangères de Paris – MEP) อาศัยอยู่ในเขตปกครองพิเศษและได้รับยกเว้นจากเขตอำนาจศาลและการเก็บภาษีของประเทศ ในช่วงทศวรรษที่ 1930 เกิดความวิตกกังวลและวิกฤตมากขึ้นเมื่อ ญี่ปุ่นบุกจีน และคุกคามเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปลี่ยนชื่อจาก สยามเป็นประเทศไทยในปี พ.ศ. 2482 รัฐบาลนี้มีจุดยืนเรื่องชาตินิยมและต่อต้านตะวันตก และศาสนาคริสต์ถูกตราหน้าว่าเป็น "ศาสนาต่างชาติ " และคริสเตียนชาวไทยก็ถูกกดดันรัฐบาลวิชี ก่อตั้งขึ้นหลังจากการล่มสลายของฝรั่งเศสในปี พ.ศ. 2483 อนุญาตให้ญี่ปุ่นตั้งฐานทัพในเวียดนามตอนเหนือ และรัฐบาลไทยตอบโต้ด้วย การรุกรานอินโดจีนของฝรั่งเศส (ปัจจุบันคือลาวและกัมพูชา) ญี่ปุ่นบุกไทยในปี พ.ศ. 2484 เพื่อยึดฐานทัพเพื่อรุกเข้าสู่แหลมมลายูและสิงคโปร์ และรัฐบาลไทยลงนามเป็นพันธมิตรที่คงอยู่จนกระทั่งญี่ปุ่นพ่ายแพ้ในปี พ.ศ. 2488
ในบรรยากาศตึงเครียดก่อนการรุกรานของญี่ปุ่น คนไทยซึ่งปกติจะใจกว้างพบว่า “ศาสนาต่างชาติ” เป็นแพะรับบาปที่ง่ายดาย แม้ว่าศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกจะอยู่ในประเทศไทยมานานกว่า 350 แล้วก็ตาม
การสอบสวนและการเป็นบุญราศี มรณีสักขี ผู้น่าเคารพ
หลังจากการสืบสวนกรณีผู้รับใช้ของพระเจ้าทั้งเจ็ดนี้แล้ว รายงานการพิจารณาการแต่งตั้งให้เป็นบุญราศีและการแต่งตั้งให้เป็นมรณสักขีของพระศาสนจักรคาทอลิก ก็ถูกส่งไปยังที่ประชุมอันศักดิ์สิทธิ์เพื่อเหตุของวิสุทธิชนในกรุงโรม ในปีพ.ศ. 2529 (1986) ในพิธีบูชาขอบพระคุณ ณ วัดพระมหาไถ่สองคอน ร่างของทั้ง 7 คนได้ขุดขึ้นมาและถูกฝังอีกครั้ง สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 2 ทรงประกาศแต่งตั้งการเป็นบุญราศีมรสักขีของพวกท่านทั้ง 7 แห่งสองคอน ณ กรุงโรม ในวันอาทิตย์แพร่ธรรมสากล วันที่ 22 ตุลาคม 1989[4]
คุณพ่อลอเรนซ์ คายน์ ได้รับการแต่งตั้งเป็น อัครมุขนายกแห่ง อัครมุขมณฑลท่าแร่-หนองแสง เมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2523 1980 และได้รับการอภิเสกเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2523,1980 โดย อัครมุขนายก มิเชล เกี้ยน เสมอพิทักษ์ บพระอัครมุขนายก องค์ก่อน
ในฐานะอัครมุขนายก ท่านมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมากในการขยายอัครมุขฆมณฑล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาการศึกษาและการสร้างโบสถ์ นอกจากนี้ท่านยังจัดสัมมนาบ่อยครั้งเพื่อกำหนดโครงร่างต้นแบบสำหรับวิสัยทัศน์และพันธกิจของอัครมุขมณฑล
เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2547, 2004 พระคุณเจ้าได้รับอนุญาตให้ลาออกจากตำแหน่ง [1] ท่านเสียชีวิตด้วยผลของโรคเบาหวานเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2550, 2007 และถูกฝังในวันที่ 28 กรกฎาคม 2007 ที่สุสานวัดอัครเทวดามีคาแอล ท่าแร่
อ้างอิง[แก้]
- ↑ 1.0 1.1 "Archbishop Lawrence Khai Saen-Phon-On of Thare and Nonseng resigns". Agenzia Fides. May 15, 2004. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 30, 2007. สืบค้นเมื่อ July 30, 2007.
- ↑ "บุญราศรีสองคอน". Bing.
- ↑ Thailand, Seven Martyrs of, Bb. | Encyclopedia.com
- ↑ "Dec 16 - The Seven Thai Martyrs of Songkhon (d. 1940)". Catholicireland.net (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน).
ก่อนหน้า | ลอว์เรนซ์ คายน์ แสนพลออน | ถัดไป
| ||
---|---|---|---|---|
มีคาเอลเกี้ยน เสมอพิทักษ์ | ![]() |
อัครมุขนายกมิสซังโรมันคาทอลิกท่าแร่-หนองแสง (6 มีนาคม 2523 - 14 พฤษภาคม 2547) |
![]() |
หลุยส์ จำเนียร สันติสุขนิรันดร์ |